Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ประวัติความเป็นมาของโรคเอดส์

Posted By Plookpedia | 02 ก.ค. 60
1,440 Views

  Favorite

ประวัติความเป็นมาของโรคเอดส์

      เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๔ ศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกาได้รับรายงานจากนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ว่ามีชายหนุ่มรักร่วมเพศ ๕ คน ป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อนิวโมซิสติสคารินิไอ (Pneumocystis carinii) ภายในอีก ๑ เดือนต่อมามีรายงานจากนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียว่า  มีหนุ่มรักร่วมเพศอีก ๒๖ ราย ป่วยเป็นโรคมะเร็งแคโปสิ ซาร์โคมา (Kaposi's sarcoma) ซึ่งโดยปกติจะเป็นโรคของคนอายุมากและนอกจาก ๒๖ ราย ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งดังกล่าวนั้นแล้วยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายเป็นโรคปอดบวมและติดเชื้อฉวยโอกาส (แปลมาจากคำว่า Opportunistic infections ) ชายหนุ่มที่ป่วยทุกรายไม่มีรายใดที่มีโรคร้ายแรงประจำตัวมาก่อนและไม่มีรายใดที่เคยได้รับยาประเภทกดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและทุกรายเมื่อได้รับการตรวจชันสูตรทางห้องปฏิบัติการ  พบว่าการทำงานของเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานโรคไม่ได้ทำหน้าที่ตามปกติและแม้ว่าจะได้รับการรักษาเป็นอย่างดี  แต่ก็ไม่มีใครรอดชีวิตทั้งนี้เพราะระบบภูมิคุ้มกันโรคบกพร่องไปหรือเสื่อมลงไปจากที่เคยมีอยู่  ด้วยเหตุนี้เองจึงได้มีผู้เสนอให้เรียกชื่อโรคนี้ว่า Acquired Immuno- deficiency Syndrome หรือ AIDS 
      อันที่จริงแล้ว เมื่อทำการศึกษาย้อนหลังพบว่าโรคนี้เกิดในสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ และ พ.ศ. ๒๕๒๒ แต่เพิ่งจะมาครึกโครมเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เพราะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ จนผิดสังเกต และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ เป็นต้นมาก็ได้มีความเชื่อกันแล้วว่าโรคนี้จะต้องมีความเกี่ยวพันกับพฤติกรรมผิดปกติทางเพศ คือ เกี่ยวกับพวกรักร่วมเพศหรือพวกโฮโมเซ็กชวล และพฤติกรรมทางด้านยาเสพติดอย่างแน่นอน ต่อมายิ่งมีการพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับการถ่ายเลือดก็เป็นโรคนี้ทำให้เห็นแนวทางที่แจ่มชัดขึ้นในการที่จะทำการศึกษาโรคนี้อย่างละเอียด  

      นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ นักวิจัย ต่างก็พยายามที่จะทำงานแข่งกับเวลาเพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าต้นเหตุของโรคร้ายนี้คืออะไรกันแน่  ในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ เป็นเวลา ๒ ปี หลังจากที่มีรายงานผู้ป่วยโรคเอดส์จากนครลอสแอนเจลิส คณะนักวิจัยจากสถาบันปาสเตอร์แห่งกรุงปารีส  ก็รายงานว่าได้แยกเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งได้จากต่อมน้ำเหลืองของชายหนุ่มที่มีต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่งทั่วตัวรายหนึ่ง (ซึ่งเป็นระยะหนึ่งของการดำเนินโรคต่อไปมักจะกลายเป็น เอดส์) ไว้รัสที่แยกได้นี้ นายแพทย์ลุค มองตานิเยร์และคณะ ได้เรียกชื่อว่า Lymphadenopathy - Associated Virus หรือ LAV

 

ชื้อ HTLV III/LAV
ภาพถ่ายจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน แสดงเชื้อ HTLV III/LAV


      อีกปีหนึ่งให้หลังคือ พ.ศ. ๒๕๒๗ ดร. โรเบิร์ต แกลโล และคณะแห่งสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ก็แยกเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งได้จากผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์และจากผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นเอดส์ เนื่องจาก ดร.แกลโล และคณะเคยแยกเชื้อไวรัสจากผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด Tlymphocyte ที่พบชุกชุมในประเทศญี่ปุ่นและเป็นมะเร็งที่พิสูจน์ได้แน่ชัดว่าเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human T Lymphotropic Virus type ๑ หรือ HTLV-I และต่อมาแยกได้เชื้อไวรัสตัวที่สองจากผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวอีกชนิดหนึ่งซึ่งเป็นมะเร็งของ T lymphocyte เช่นกันและให้ชื่อไวรัสตัวที่สองนี้ว่า HTLV-II เมื่อแยกไวรัสได้ใหม่ซึ่งก็มีความโน้มเอียงที่จะไปทำให้ T lymphocyte ติดเชื้อได้เช่นกัน ดร. แกลโล จึงขนานนามไวรัสที่พบใหม่ว่าเป็น HTLV-III ผลของการติดเชื้อและมีการทำลาย T lymphocyte ลงไปพร้อมกันอย่างมากนี้เองเป็นเหตุให้เกิดภูมิคุ้มกันเสื่อมลงไป  การศึกษาวิจัยในปัจจุบันนี้คณะนักวิจัยจะทำการติดต่อประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันอยู่เสมอ ๆ ในไม่ช้าก็พบว่าทั้ง LAV และ HTLV-III ก็ คือ ไวรัสชนิดเดียวกัน ในขั้นต้นเรียกชื่อว่า HTLV-III/LAV หรือ LAV/HTLV- III ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ตกลงกันเรียกว่า ไวรัส human immunodeficiency virus (HIV) หรือ เอชไอวี

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow